ราคาทองคําวานนี้ ปิดปรับตัวลดลง 33.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ -2.2% โดยได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากข่าว “จีน-สหรัฐเตรียมจะจัดการเจรจาการค้ารอบต่อไปที่กรุงวอชิงตันในช่วงต้นเดือนต.ค.นี้” ส่วนนายหู สีจิน บรรณาธิการของโกลบอล ไทมส์ ซึ่งเป็นแหล่งข่าวคนสําคัญทวีตว่า “มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่การเจรจาครั้งนี้จะมีความคืบหน้าครั้งสําคัญ” นั่นทําให้นักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง(Risk-On)อีกครั้ง เป็นผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 372.68 จุด หรือ +1.41%, S&P500 ปิด+1.30% และ Nasdaq ปิด +1.75% จนก่อให้เกิดแรงขายทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ทองคํายังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาด อาทิ ดัชนี PMI ภาคบริการจาก ISM ที่ฟื้นตัวจากระดับตํ่าสุดในรอบเกือบ 3 ปีแตะระดับ 56.4ในเดือนส.ค. และการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐจากADP ที่พุ่งขึ้นเกินคาดที่ 195,000 ตําแหน่งในเดือนส.ค. สถานการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดแรงขายจนทําให้ทองคําปรับตัวลงภายในวันเดียวมากสุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคํา -6.15 ตัน สําหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร,อัตราการว่างงาน และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงาน รวมถึงจับตาสัญญาณการดําเนินนโยบายการเงินของเฟดจากสุนทรพจน์นาย Jerome Powell ประธานเฟด ที่มา ylgbullion.co.th